เมนู

พระจันทร์และพระอาทิตย์ ก็ปรากฏอยู่ในวิถี
ทั้งสอง (ส่วน) ชนที่ทำกาละ ละไปแล้ว
ใครก็ไม่แลเห็น, บรรดาเราทั้งสอง ผู้คร่ำครวญ
อยู่ในที่นี้ ใครจะเป็นคนเขลากว่ากัน."


พราหมณ์ย่อมจำนนแล้วชมเชยเทพบุตร


พราหมณ์สดับคำนั้นแล้ว กำหนดได้ว่า "มาณพนี้พูดถูก" จึง
กล่าวว่า
"พ่อมาณพ ท่านพูดจริงทีเดียว, บรรดา
เราทั้งสอง ผู้คร่ำครวญอยู่ (ในที่นี้) ข้าพเจ้า
เองเป็นคนเขลากว่า, ข้าพเจ้าอยากได้บุตรที่ทำ
กาละแล้วคืนมา เป็นเหมือนทารกร้องไห้อยาก
ได้พระจันทร์"

ดังนี้แล้ว เป็นผู้หายโศก เพราะถ้อยคำของมาณพนั้น, เมื่อ
จะทำความชมเชยมาณพ ได้กล่าวคาถาเหล่านี้ว่า
"ท่านมาดาข้าพเจ้าซึ่งเป็น1ผู้ร้อนหนักหนา
เหมือนบุคคลดับไฟที่ติดน้ำมันด้วยน้ำ, ข้าพเจ้า
ย่อมยังความกระวนกระวายทั้งปวง ให้ดับได้


1. สนฺตํ ในคาถาเท่ากับสมานํ.

ท่านผู้บรรเทาความโศกถึงบุตรของข้าพเจ้า อัน
ความโศกครอบงำแล้ว ได้ถอนลูกศรคือความโศก
อันเสียดหฤทัยข้าพเจ้าออกได้หนอ ข้าพเจ้านั้น
เป็นผู้มีลูกศรอันท่านถอนเสียแล้ว เป็นผู้เย็นสงบ
แล้ว, พ่อมาณพ ข้าพเจ้าหายเศร้าโศก หาย
ร้องไห้ เพราะได้ฟังถ้อยคำของท่าน."


พราหมณ์ซักถามเทพบุตร


ขณะนั้น พราหมณ์ เมื่อจะถามเขาว่า "ท่านชื่ออะไร ?" จึง
กล่าวว่า
"ท่านเป็นเทวดาหรือคนธรรพ์ หรือว่าเป็น
ท้าวปุรินททสักกเทวราช, ท่านชื่อไร ? หรือ
เป็นบุตรของใคร ? อย่างไร ข้าพเจ้าจะรู้จัก
ท่านได้ ?"

ลำดับนั้น มาณพบอกแก่เขาว่า
"ท่านเผาบุตรคนใด ในป่าช้าเองแล้ว ย่อม
คร่ำครวญและร้องไห้ถึงบุตรคนใด บุตรคนนั้น
คือข้าพเจ้า ทำกุศลธรรมแล้ว ถึงความเป็นเพื่อน
ของเหล่าไตรทศ (เทพดา)."

พราหมณ์ได้กล่าวว่า